ตอนนี้คนไทยเตรียมรับภาวะของแพง - และขาดแคลน ของแพงดังกล่าวก็คือสินค้าเกี่ยวกับอาหารทะเล เนื่องจากผลกระทบ " ไอยูยู ฟิชชิ่ง" คือผลกระทบกรณีกรรมาธิการยุโรปได้ให้ใบเหลืองกับประเทศไทย เรื่องการทำการประมงผิดกฏหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคคุม ทำให้เรือประมงมากกว่า 3000 ลำ กลายเป็นเรือเถื่อน ไม่สามารถออกหาปลาได้ มีผลทำให้วงการอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารทะเล ตั้งแต่ แล่เนื้อปลา ทำลูกชิ้น ห้องเย็น ปลาป่น อาหารสัตว์ ส่อวิกฤติขาดแคลนวัตถุดิบ
ทำให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ต้องใช้มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 มาแก้ไขปัญหาดังกล่าวเพื่อให้ประเทศไทยหลุดพ้นใบเหลืองภายใน 6 เดือน นับจากนี้ (ที่มา : www. thanonline .com )
วันนี้ In-seefx ขอเอากราฟของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมาฝาก เพราะสัปดาห์ก่อน In-seefx คาดว่าดัชนีน่าจะลงมาอยู่บริเวณ 1500 จุด อีกครั้ง
ที่มา www.stock2morrow.com
เทรดให้รอดในตลาดForex
วันเสาร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2558
วันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2558
เทรดให้รอดในตลาด Forex & Commodity 2-5-15 ( GO INTER )
เป็นเวลายาวนานหลายเดือนที่ไม่ได้มาเขียนบทความลงในเว๊ปบล๊อคแห่งนี้ ก่อนอื่นก็ต้องขอแสดงความเสียใจกับผู้ประสพภัยแผ่นดินไหวที่ประเทศเนปาลด้วยและขอเป็นกำลังใจให้กับผู้ประสพภัยครั้งนี้ด้วย ส่วนที่ In-seefx ห่างหายไปนี้ก็เพราะออกไปทำธุระกิจยังต่างประเทศ แต่ In-seefx ก็ยังคงเทรดทั้งในตลาดหุ้นและ Fx อยู่ เหมือนเดิม แต่เนื้องด้วยข้อจำกัดบางประการจึงไม่สามารถเขียนบทความได้ ช่วงนี้กระแส AEC กำลังแรง In-seefx ก็ต้อง GO INTER กันสักหน่อย เพื่อไม่ให้ตกกระแส เพราะตอนนี้ก็เริ่มเข้าสู่ AEC หรือ Asean Economics Community แล้ว เลยมีข่าวเกี่ยวกับ AEC กันสักหน่อย ในหัวข้อข่าว "เดินหน้าเต็มสูบ สะพานเมย2 " สะพานเมย 2 ก็คือ โครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพ ไทย - เมียนร์มาร์ แห่งที่ 2 ซึ่งจะสร้างบริเวณด่านพรหมแดนระหว่างไทยกับเมียนร์มาร์บริเวณจังหวัด ตาก และ เมียวดี สะพานเมย 2 นอกจากจะช่วยเชื่อมโยงโครงข่ายการท่องเที่ยว เพิ่มมูลค่าการค้ากับประเทศเพื่อนบ้านแล้ว ยังเป็นที่ทำเลทองแห่งใหม่สำหรับนักลงทุนที่สนใจลงทุนในที่ดินบริเวณนี้ด้วย รัฐบาลจึงสั่งเดินหน้าก่อสร้างโครงการดังกล่าวเต็มที่ (ที่มา : ฐานเศรษฐกิจฉบับ วันที่ 3 - 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2558)
ส่วนรูปกราฟวันนี้ เอาเครื่องมือที่น่าจะใช้ได้ดีกับทองคำมาแสดง ดังภาพ
เครื่องมือดังกล่าวคือ กรอบ Bollinger Bands และ MACD
ส่วนรูปกราฟวันนี้ เอาเครื่องมือที่น่าจะใช้ได้ดีกับทองคำมาแสดง ดังภาพ
เครื่องมือดังกล่าวคือ กรอบ Bollinger Bands และ MACD
วันพุธที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2557
เทรดให้รอดในตลาด Forex & Commodity 16-7-14 (เยอรมันแชมป์โลก)
ก็จบกันไปเรียบร้อยสำหรับทัวนาเมนต์ฟุตบอลโลก แต่บทความตอนนี้คงพูดถึงรายละเอียดเกี่ยวกับฟุตบอลโลกนิดหน่อย เพราะ In-seefx รู้สึกชอบในคำพูดของ โยอาคิม เลิฟ
"เราอยู่ด้วยกันมา 55 วัน แต่เราเริ่มโครงการมาตั้งแต่เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ตอนที่ผมมาทำงานกับ เจอร์เกน คลินส์มันน์ (อดีตบุนเดสเทรเนอร์) และเป็นงานที่หนักมาก เราสามารถพัฒนาการเล่นขึ้นมาตลอด ทีมสมควรได้รับรางวัลจากจุดเริ่มต้นของนักเตะอย่าง ฟิลิปป์ ลาห์ม, บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์, ลูคัส โพโดลสกี และแพร์ แมร์เตซัคเกอร์ ในอดีตเราเจอกับความผิดหวังทั้งที่เข้าใกล้เป้าหมายแล้ว ผมคิดว่าเราเล่นฟุตบอลที่ดีที่สุดตลอด 7 แมทช์ ในฟุตบอลโลกหนนี้ ทีมนี้พัฒนาขึ้น และสิ่งเหลือเชื่อคือเรื่องของสปิริต รวมทั้งสภาพจิตใจที่แข็งแกร่ง เราภูมิใจที่เป็นทีมจากยุโรปทีมแรกที่มาคว้าแชมป์ในอเมริกาใต้ ที่บราซิล ในริโอ ประเทศซึ่งรักฟุตบอลอย่างยิ่ง สิ่งนี้ทำให้เราภูมิใจมาก"
(ที่มา: www.nationtv.tv/main/content/sport/378415564/) นี้เป็นคำพูดของมืออาชีพ เยอรมันวางแผนไว้ 10 ปี เพื่อแชมป์โลก In-seefx ชื่นชอบในคำพูด ของโยอาคิม เลิฟตอนนี้มาก ๆ
ส่วนเรื่องราวเกี่ยวกับเศรษฐกิจนั้นพอดีมีเพื่อนแชร์บทความบทนี้มา In-seefx เลยขออนุญาติคัดลอกบทความบทนี้เผื่อท่านผู้อ่านได้อ่านต่อไป เป็นเรื่องราวของประเทศซิมบับเว
“ มหากาพย์เงินเฟ้อซิมบับเว (Hyperinflation)
ไม่มีที่ไหนในโลก เหมือน “ซิมบับเว” (Zimbabwe)
ไม่ใช่เพราะมีน้ำตก วิคตอเรีย อันสวยงาม ไม่ใช่เพราะมีเหมืองขุดเพชร ขนาดใหญ่
หรือเพราะมีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ แต่ที่นี่ชาวซิมบับเว
ทุกคนคือ “เศรษฐีพันล้าน” (Billionaire)
ย้อนกลับไป 5 ปีก่อน ประเทศนี้ก็ไม่ได้ต่างจากประเทศอื่นๆทั่วไป
หากแต่การบริหารงานที่ผิดพลาดและขาดความเข้าใจ ของผู้นำรัฐบาล กลับสร้างหายนะอย่างใหญ่หลวงต่อประชาชนทุกคน
ชนิดที่ โลกต้องจารึกไว้เป็นอีกบทนึงของประวัติศาสตร์การเงินโลกกันเลยทีเดียว
ประชากรชาว ซิมบับเว มีทั้ง “คนผิวขาวและคนผิวดำ” อาศัยอยู่ร่วมกันแบบพึ่งพา
คนผิวขาวที่ย้ายมาตั้งรกราก เป็นเจ้าของที่ดินและฟาร์มเกษตร ส่วนคนผิวดำ เป็นชนชั้นแรงงาน
คนขาว รับหน้าที่ เป็นผู้บริหารชั้นดี
ส่วนคนดำเป็นแรงงานมีฝีมือ
ทุกอย่างลงตัว .......
จนกระทั่งช่วงต้นทศวรรษที่ 90 ในยุคสมัยของนายกรัฐมนตรี โรเบิร์ต มูกาเบ้ (Robert Mugabe)
รัฐบาลออกกฎหมาย ใหม่ปฎิวัติการจัดการที่ดินทำกิน (Land Reform)
เนื้อหาสำคัญก็คือ ช่วยคนผิวดำซึ่งเป็นคนพื้นเมือง ให้มีที่ดินเป็นของตัวเอง ไม่ต้องตกเป็นลูกจ้างของคนผิวขาวอีกต่อไป
เกิดการยึดคืนที่ดินซึ่งเป็นกรรมสิทธ์ของคนผิวขาวแล้วเอาไปแจก ให้กับคนผิวดำ
......เท่านั้นเองปัญหาเกิด
จากคนผิวดำ ซึ่งเคยเป็นกรรมกร บัดนี้ได้เลื่อนขั้นกลายเป็นเจ้าของที่ดิน จำเป็นต้องมาบริหาร
จากคนผิวขาวที่เคยบริหารกลับสูญสิ้นทุกอย่างที่เคยเป็นของตัวเอง จำเป็นต้องรับสภาพ กรรมกร !
เหมือนใช้คนไม่ถูกกับประเภทงาน ด้วยความที่ด้อยการศึกษาและขาดทักษะบริหารจัดการ
ไม่นานระบบเศรษฐกิจที่เคยรุ่งเรืองของ ซิมบับเว ก็ดิ่งลงเหว เกิดปัญหาสังคมตามมามากมาย
สุดท้ายไม่วายเป็นหนี้ IMF
ในปี 2006 ปัญหาหนี้สินของประเทศ เกินเยียวยา
ผู้ว่าการธนาคารกลางในขณะนั้นเกิด ปิ๊งไอเดีย (ง่ายๆแต่ไม่ฉลาด) ในการใช้หนี้คืน นั่นก็คือ “การพิมพ์เงิน” (คุ้นๆมั๊ยครับ?)
สกุลเงิน ซิมบับเวียนดอลล่าห์ (Zimbabwean Dollar : ZWD) มีอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ประมาณ
1.59 Zim-Dollar แลกได้ 1 US-Dollar
ในเมื่อประเทศเราเป็นหนี้ IMF ในสกุลเงินดอลล่าห์ เราก็แค่ พิมพ์เงินประเทศเราเอาไปซื้อดอลล่าห์
เสร็จแล้วก็ เอาไปใช้หนี้คืน ง่ายๆ ไม่น่าจะมีอะไรยาก
16 กพ 2006 : ธนาคารกลางซิมบับเว จึงจัดพิมพ์เงินครั้งใหญ่
มูลค่า 21 Trillion (21,000,000,000,000 ZWD) เพื่อสะสางปัญหา
ได้ผล ! หนี้หายวับไปกับตา แต่ผลที่ตามมากลับกลายเป็นว่า “โหดร้ายมากกว่าเป็นหนี้หลายเท่าตัว”
เงิน 21T ออกไปเที่ยว ตปท ได้ไม่นานก็หมุนเวียนกลับเข้ามาในระบบศก.ของซิมบับเวเอง
สกุลเงิน ZWD เจือจางลงอย่างรวดเร็ว สินค้าทุกอย่างปรับขึ้นราคาตามในทันที
เดือดร้อนถึง นายกโรเบิร์ต มูกาเบ้ ที่ต้องรีบสั่งการให้ ธนาคารกลางแก้ไข ปัญหาโดยด่วน
ซึ่งแน่นอน อาวุธคู่กายธนาคารกลางทุกประเทศมีแค่ สองอย่าง แต่สำหรับ ซิมบับเว
พิมพ์ พิมพ์ พิมพ์ และ ก็พิมพ์ คือ คำตอบสุดท้าย
ในเดือนมิถุนายน ปีเดียวกัน ปริมาณเงินอีก 60T ! ถูกอัดฉีดเข้าระบบ
วัตถุประสงค์ก็เพื่อจ่ายเพิ่มเป็นเงินเดือนให้กับบรรดา ทหาร ตำรวจและข้าราชการ เพราะข้าวของแพงเหลือเกิน
แต่กลับยิ่งทำให้ปัญหาเงินเฟ้อรุนแรงเข้าไปอีก
เพื่อเป็นการยับยั้งและจัดระเบียบกันใหม่ ให้เงินสกุล ZWD ยังคงดูน่าเชื่อถือต่อไป
สิงหาคมในปีนั้น ธนาคารกลางตัดสินใจเปลี่ยนรูปแบบ ธนบัตรใหม่ทั้งหมด
โดยขอร้องให้ประชาชนนำ ธนบัตรรุ่นเดิมมาแลก
แต่ภายใต้ข้อแม้ว่า 1000 ZWD เก่า แลกได้เพียง 1 ZWD ใหม่ (ตัด 0 ออกสามตัว)
หากคุณมีเงินฝากในธนาคาร 1 ล้าน วันรุ่งขึ้นยอดเงินฝากจะลดลงเหลือเพียง 1 พัน เท่านั้น !!
ทำกันถึงขนาดนั้น แต่ปัญหาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะบรรเทา ......
ปี 2007 อัตราเงินเฟ้อยังคงพุ่งต่อเนื่อง ผลที่ตามมาคือสินค้าขึ้นราคาราวกับติดจรวด
รัฐบาลของมูกาเบ้ ตัดสินใจใช้มุกใหม่ (แต่เป็นแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ)
ออกกฎหมายควบคุมราคาสินค้าทุกอย่าง (Price control) ร้านค้าใดหากไม่ทำตามถือว่ามีความผิด
ผลที่ตามมากลับกลายเป็นว่า ในเมื่อขึ้นราคาสินค้าไม่ได้ก็ “ไม่ขาย”
สินค้าใน ซุปเปอร์มาร์เก็ต เริ่มถูกเก็บลงจากชั้นวาง เหลือแต่ความว่างเปล่า
การกำหนดราคาขายสินค้าอุปโภคบริโภค เสื้อผ้า ยารักษาโรค เริ่มกำหนดกันเองในตลาดมืด พร้อมๆกับการกักตุนสินค้า
เงิน ZWD กลายเป็น “เงินร้อน” ประชาชนรีบใช้มันทันทีเมื่อได้มันมา
ทำให้ปริมาณเงินในระบบเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อัตราเงินเฟ้อ จึงยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ
มกราคม 2008
- รัฐบาลออกธนบัตรใหม่ชนิดราคา 200,000 ใช้เป็นครั้งแรก !
แต่ยังไม่ทันจะสิ้นเดือน ธนบัตรชนิดราคา 10,000,000 ก็ถูกผลิตขึ้นมา
ถือเป็นแบงค์ที่มูลค่าแพงที่สุดในขณะนั้น แต่หากคิดเทียบเป็นเงินบาทไทย คงใช้ซื้อข้าวผัดกระเพราได้เพียงแค่ 4 จาน (120 บาท)
เมษายน 2008
รัฐบาลออกธนบัตร ชนิดราคา 50,000,000 ออกสู่สาธารณะ
มิถุนายน 2008
ธนบัตร ชนิดราคา 100,000,000 และ 250,000,000 ก็ถูกผลิตออกมา
แต่แค่เพียง สิบวันหลังจากนั้น ชนิดราคา 500,000,000 ก็ออกตามมาติดๆ
กรกฎาคม 2008
ธนาคารกลางวางแผน จะออกธนบัตรชนิดราคา 100,000,000,000 ออกสู่ตลาด
แต่พอถึงปลายเดือน ประธานธนาคารกลางเลือกที่จะขอปรับค่าเงินกันใหม่ (Redenominated)
โดยคราวนี้ ตัด 0 ข้างหลังออก 10 ตัว !!!!!!
(10,000,000,000 ZWD เก่าแลกได้เพียง 1 ZWD ใหม่)
อัตราเงินเฟ้อในขณะนั้นคือ 11,250,000 % !
ราคาของเบียร์ 1 ขวดในขณะนั้น 100,000,000,000 แต่เพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงถัดมา
ราคาก็ปรับขึ้นเป็น 150,000,000,000
ความคิดของรัฐบาลและธนาคารกลางที่ จะแก้ปัญหาโดยการพิมพ์เงินอัดฉีดเข้าระบบ ไม่สัมฤทธิ์ผล
สาเหตุก็เพราะ
ความเชื่อถือในระบบธนบัตรของประชาชนชาวซิมบับเว ลดลงเร็วกว่า ความสามารถในการพิมพ์ของเครื่องพิมพ์
ไม่ว่าจะเร่งสปีดพิมพ์เพิ่มออกมามากขนาดไหน ไม่สำคัญว่าจะใส่ 0 ไปอีกซักกี่ตัว
เมื่อ กระดาษก็คือกระดาษ ความน่าเชื่อถือหากหมดไปจากกระดาษ ก็คือ จบ...
มูกาเบ้ ไม่เข้าใจความจริงในข้อนี้ เค้าเลือกที่จะสู้หลังพิงฝากับเงินเฟ้อ
มกราคม ปี 2009
ในเมื่อไม่มีอะไรจะเสีย ประชาชนชาวซิมบับเว จึงได้เห็น ธนบัตร ชนิดราคา 50,000,000,000 ออกใช้
16 มกราคม 2009
วันที่โลกต้องจดจำ รัฐบาลของมูกาเบ้ ประกาศจะพิมพ์ ธนบัตร ชนิดราคา
10,000,000,000,000 - อ่านว่า สิบ ล้านล้าน
20,000,000,000,000 - อ่านว่า ยี่สิบ ล้านล้าน
50,000,000,000,000 - อ่านว่า ห้าสิบ ล้านล้าน
100,000,000,000,000 - อ่านว่า หนึ่งร้อย ล้านล้าน
ออกใช้.....
แต่ไม่มีความหมายอีกต่อไป ประชาชนเลิกพกเงินเป็นกระสอบๆ เพื่อไปจ่ายตลาด
เงินสกุล ซิมบับเว ไม่มีใครเชื่อถือและอยากใช้ การซื้อขายทั่วไป
ถูกกำหนดราคากันใหม่ด้วย เงินสกุลเงินตราต่างประเทศ เช่น US.Dollar
หรือไม่เช่นนั้นก็ทำการซื้อขายกันด้วย
“ทองคำ”
ประชาชนชาว ซิมบับเว บางส่วน (ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ) ย้อนกลับไปสู่ยุคโบราญ
เอากะทะไปร่อนหาเศษทองในแม่น้ำ เพื่อเอามาแลกกับ ข้าวสาร ไข่ไก่ น้ำมันพืช หรือ ขนมปัง ประทังชีวิตไปวันๆ
ใคร ที่ยังเก็บทองคำติดตัวเอาไว้ ยังสามารถซื้อของได้เท่าเดิม แต่ผู้ที่เก็บเงินออมไว้ในรูปแบบของ “ธนบัตร” ซิมบับเวเผื่อไว้ใช้ยามแก่
กลับพบว่าเงินทั้งหมดแทบไม่พอที่จะจ่ายแม้แค่ “อาหารเช้าเพียง 1 มื้อ”
เมษายน ปี 2009
สกุลเงิน ZWD ตายสนิท รัฐบาล ปล่อยให้ตลาดเป็นคนกำหนด ราคาและสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนกันเอง
เงิน ZWD ประกาศหยุดพิมพ์เพิ่ม อย่างน้อย 1 ปีหลังจากนั้น
เพื่อให้ระบบเศรษฐกิจ แก้ไขปัญหาด้วยตัวของมันเอง
ระบบเศรษฐกิจนั้นเมื่อเกิดปัญหา กลไกของตลาดจะมีวิธีจัดการแก้ไขได้ด้วยตัวของมัน
ภาษาทางเศรษฐศาสตร์เรียกว่า “มือที่มองไม่เห็น” (Invisible Hand)
หน้าที่ของรัฐบาล เพียงแค่สนับสนุนให้ มือที่มองไม่เห็นนี้ ทำงานไปอย่างเป็นธรรมชาติ
ไม่มีอะไรมาขัดขวาง
แต่รัฐบาลในหลายๆประเทศไม่ว่าจะเป็นประเทศที่เจริญแล้วหรือกำลังพัฒนา
กลับพยายามที่จะทำตัวเป็นมือที่มองไม่เห็นนี้ซะเอง ใช้อำนาจ เข้าจุ้นจ้าน-เข้าแก้ไข
สุดท้ายก็พัง
ไม่มีที่ไหนในโลก เหมือน “ซิมบับเว” (Zimbabwe)
ไม่ใช่เพราะมีน้ำตก วิคตอเรีย อันสวยงาม ไม่ใช่เพราะมีเหมืองขุดเพชร ขนาดใหญ่
หรือเพราะมีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ แต่ที่นี่ชาวซิมบับเว
ทุกคนคือ “เศรษฐีพันล้าน” (Billionaire)
ย้อนกลับไป 5 ปีก่อน ประเทศนี้ก็ไม่ได้ต่างจากประเทศอื่นๆทั่วไป
หากแต่การบริหารงานที่ผิดพลาดและขาดความเข้าใจ ของผู้นำรัฐบาล กลับสร้างหายนะอย่างใหญ่หลวงต่อประชาชนทุกคน
ชนิดที่ โลกต้องจารึกไว้เป็นอีกบทนึงของประวัติศาสตร์การเงินโลกกันเลยทีเดียว
ประชากรชาว ซิมบับเว มีทั้ง “คนผิวขาวและคนผิวดำ” อาศัยอยู่ร่วมกันแบบพึ่งพา
คนผิวขาวที่ย้ายมาตั้งรกราก เป็นเจ้าของที่ดินและฟาร์มเกษตร ส่วนคนผิวดำ เป็นชนชั้นแรงงาน
คนขาว รับหน้าที่ เป็นผู้บริหารชั้นดี
ส่วนคนดำเป็นแรงงานมีฝีมือ
ทุกอย่างลงตัว .......
จนกระทั่งช่วงต้นทศวรรษที่ 90 ในยุคสมัยของนายกรัฐมนตรี โรเบิร์ต มูกาเบ้ (Robert Mugabe)
รัฐบาลออกกฎหมาย ใหม่ปฎิวัติการจัดการที่ดินทำกิน (Land Reform)
เนื้อหาสำคัญก็คือ ช่วยคนผิวดำซึ่งเป็นคนพื้นเมือง ให้มีที่ดินเป็นของตัวเอง ไม่ต้องตกเป็นลูกจ้างของคนผิวขาวอีกต่อไป
เกิดการยึดคืนที่ดินซึ่งเป็นกรรมสิทธ์ของคนผิวขาวแล้วเอาไปแจก ให้กับคนผิวดำ
......เท่านั้นเองปัญหาเกิด
จากคนผิวดำ ซึ่งเคยเป็นกรรมกร บัดนี้ได้เลื่อนขั้นกลายเป็นเจ้าของที่ดิน จำเป็นต้องมาบริหาร
จากคนผิวขาวที่เคยบริหารกลับสูญสิ้นทุกอย่างที่เคยเป็นของตัวเอง จำเป็นต้องรับสภาพ กรรมกร !
เหมือนใช้คนไม่ถูกกับประเภทงาน ด้วยความที่ด้อยการศึกษาและขาดทักษะบริหารจัดการ
ไม่นานระบบเศรษฐกิจที่เคยรุ่งเรืองของ ซิมบับเว ก็ดิ่งลงเหว เกิดปัญหาสังคมตามมามากมาย
สุดท้ายไม่วายเป็นหนี้ IMF
ในปี 2006 ปัญหาหนี้สินของประเทศ เกินเยียวยา
ผู้ว่าการธนาคารกลางในขณะนั้นเกิด ปิ๊งไอเดีย (ง่ายๆแต่ไม่ฉลาด) ในการใช้หนี้คืน นั่นก็คือ “การพิมพ์เงิน” (คุ้นๆมั๊ยครับ?)
สกุลเงิน ซิมบับเวียนดอลล่าห์ (Zimbabwean Dollar : ZWD) มีอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ประมาณ
1.59 Zim-Dollar แลกได้ 1 US-Dollar
ในเมื่อประเทศเราเป็นหนี้ IMF ในสกุลเงินดอลล่าห์ เราก็แค่ พิมพ์เงินประเทศเราเอาไปซื้อดอลล่าห์
เสร็จแล้วก็ เอาไปใช้หนี้คืน ง่ายๆ ไม่น่าจะมีอะไรยาก
16 กพ 2006 : ธนาคารกลางซิมบับเว จึงจัดพิมพ์เงินครั้งใหญ่
มูลค่า 21 Trillion (21,000,000,000,000 ZWD) เพื่อสะสางปัญหา
ได้ผล ! หนี้หายวับไปกับตา แต่ผลที่ตามมากลับกลายเป็นว่า “โหดร้ายมากกว่าเป็นหนี้หลายเท่าตัว”
เงิน 21T ออกไปเที่ยว ตปท ได้ไม่นานก็หมุนเวียนกลับเข้ามาในระบบศก.ของซิมบับเวเอง
สกุลเงิน ZWD เจือจางลงอย่างรวดเร็ว สินค้าทุกอย่างปรับขึ้นราคาตามในทันที
เดือดร้อนถึง นายกโรเบิร์ต มูกาเบ้ ที่ต้องรีบสั่งการให้ ธนาคารกลางแก้ไข ปัญหาโดยด่วน
ซึ่งแน่นอน อาวุธคู่กายธนาคารกลางทุกประเทศมีแค่ สองอย่าง แต่สำหรับ ซิมบับเว
พิมพ์ พิมพ์ พิมพ์ และ ก็พิมพ์ คือ คำตอบสุดท้าย
ในเดือนมิถุนายน ปีเดียวกัน ปริมาณเงินอีก 60T ! ถูกอัดฉีดเข้าระบบ
วัตถุประสงค์ก็เพื่อจ่ายเพิ่มเป็นเงินเดือนให้กับบรรดา ทหาร ตำรวจและข้าราชการ เพราะข้าวของแพงเหลือเกิน
แต่กลับยิ่งทำให้ปัญหาเงินเฟ้อรุนแรงเข้าไปอีก
เพื่อเป็นการยับยั้งและจัดระเบียบกันใหม่ ให้เงินสกุล ZWD ยังคงดูน่าเชื่อถือต่อไป
สิงหาคมในปีนั้น ธนาคารกลางตัดสินใจเปลี่ยนรูปแบบ ธนบัตรใหม่ทั้งหมด
โดยขอร้องให้ประชาชนนำ ธนบัตรรุ่นเดิมมาแลก
แต่ภายใต้ข้อแม้ว่า 1000 ZWD เก่า แลกได้เพียง 1 ZWD ใหม่ (ตัด 0 ออกสามตัว)
หากคุณมีเงินฝากในธนาคาร 1 ล้าน วันรุ่งขึ้นยอดเงินฝากจะลดลงเหลือเพียง 1 พัน เท่านั้น !!
ทำกันถึงขนาดนั้น แต่ปัญหาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะบรรเทา ......
ปี 2007 อัตราเงินเฟ้อยังคงพุ่งต่อเนื่อง ผลที่ตามมาคือสินค้าขึ้นราคาราวกับติดจรวด
รัฐบาลของมูกาเบ้ ตัดสินใจใช้มุกใหม่ (แต่เป็นแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ)
ออกกฎหมายควบคุมราคาสินค้าทุกอย่าง (Price control) ร้านค้าใดหากไม่ทำตามถือว่ามีความผิด
ผลที่ตามมากลับกลายเป็นว่า ในเมื่อขึ้นราคาสินค้าไม่ได้ก็ “ไม่ขาย”
สินค้าใน ซุปเปอร์มาร์เก็ต เริ่มถูกเก็บลงจากชั้นวาง เหลือแต่ความว่างเปล่า
การกำหนดราคาขายสินค้าอุปโภคบริโภค เสื้อผ้า ยารักษาโรค เริ่มกำหนดกันเองในตลาดมืด พร้อมๆกับการกักตุนสินค้า
เงิน ZWD กลายเป็น “เงินร้อน” ประชาชนรีบใช้มันทันทีเมื่อได้มันมา
ทำให้ปริมาณเงินในระบบเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อัตราเงินเฟ้อ จึงยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ
มกราคม 2008
- รัฐบาลออกธนบัตรใหม่ชนิดราคา 200,000 ใช้เป็นครั้งแรก !
แต่ยังไม่ทันจะสิ้นเดือน ธนบัตรชนิดราคา 10,000,000 ก็ถูกผลิตขึ้นมา
ถือเป็นแบงค์ที่มูลค่าแพงที่สุดในขณะนั้น แต่หากคิดเทียบเป็นเงินบาทไทย คงใช้ซื้อข้าวผัดกระเพราได้เพียงแค่ 4 จาน (120 บาท)
เมษายน 2008
รัฐบาลออกธนบัตร ชนิดราคา 50,000,000 ออกสู่สาธารณะ
มิถุนายน 2008
ธนบัตร ชนิดราคา 100,000,000 และ 250,000,000 ก็ถูกผลิตออกมา
แต่แค่เพียง สิบวันหลังจากนั้น ชนิดราคา 500,000,000 ก็ออกตามมาติดๆ
กรกฎาคม 2008
ธนาคารกลางวางแผน จะออกธนบัตรชนิดราคา 100,000,000,000 ออกสู่ตลาด
แต่พอถึงปลายเดือน ประธานธนาคารกลางเลือกที่จะขอปรับค่าเงินกันใหม่ (Redenominated)
โดยคราวนี้ ตัด 0 ข้างหลังออก 10 ตัว !!!!!!
(10,000,000,000 ZWD เก่าแลกได้เพียง 1 ZWD ใหม่)
อัตราเงินเฟ้อในขณะนั้นคือ 11,250,000 % !
ราคาของเบียร์ 1 ขวดในขณะนั้น 100,000,000,000 แต่เพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงถัดมา
ราคาก็ปรับขึ้นเป็น 150,000,000,000
ความคิดของรัฐบาลและธนาคารกลางที่ จะแก้ปัญหาโดยการพิมพ์เงินอัดฉีดเข้าระบบ ไม่สัมฤทธิ์ผล
สาเหตุก็เพราะ
ความเชื่อถือในระบบธนบัตรของประชาชนชาวซิมบับเว ลดลงเร็วกว่า ความสามารถในการพิมพ์ของเครื่องพิมพ์
ไม่ว่าจะเร่งสปีดพิมพ์เพิ่มออกมามากขนาดไหน ไม่สำคัญว่าจะใส่ 0 ไปอีกซักกี่ตัว
เมื่อ กระดาษก็คือกระดาษ ความน่าเชื่อถือหากหมดไปจากกระดาษ ก็คือ จบ...
มูกาเบ้ ไม่เข้าใจความจริงในข้อนี้ เค้าเลือกที่จะสู้หลังพิงฝากับเงินเฟ้อ
มกราคม ปี 2009
ในเมื่อไม่มีอะไรจะเสีย ประชาชนชาวซิมบับเว จึงได้เห็น ธนบัตร ชนิดราคา 50,000,000,000 ออกใช้
16 มกราคม 2009
วันที่โลกต้องจดจำ รัฐบาลของมูกาเบ้ ประกาศจะพิมพ์ ธนบัตร ชนิดราคา
10,000,000,000,000 - อ่านว่า สิบ ล้านล้าน
20,000,000,000,000 - อ่านว่า ยี่สิบ ล้านล้าน
50,000,000,000,000 - อ่านว่า ห้าสิบ ล้านล้าน
100,000,000,000,000 - อ่านว่า หนึ่งร้อย ล้านล้าน
ออกใช้.....
แต่ไม่มีความหมายอีกต่อไป ประชาชนเลิกพกเงินเป็นกระสอบๆ เพื่อไปจ่ายตลาด
เงินสกุล ซิมบับเว ไม่มีใครเชื่อถือและอยากใช้ การซื้อขายทั่วไป
ถูกกำหนดราคากันใหม่ด้วย เงินสกุลเงินตราต่างประเทศ เช่น US.Dollar
หรือไม่เช่นนั้นก็ทำการซื้อขายกันด้วย
“ทองคำ”
ประชาชนชาว ซิมบับเว บางส่วน (ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ) ย้อนกลับไปสู่ยุคโบราญ
เอากะทะไปร่อนหาเศษทองในแม่น้ำ เพื่อเอามาแลกกับ ข้าวสาร ไข่ไก่ น้ำมันพืช หรือ ขนมปัง ประทังชีวิตไปวันๆ
ใคร ที่ยังเก็บทองคำติดตัวเอาไว้ ยังสามารถซื้อของได้เท่าเดิม แต่ผู้ที่เก็บเงินออมไว้ในรูปแบบของ “ธนบัตร” ซิมบับเวเผื่อไว้ใช้ยามแก่
กลับพบว่าเงินทั้งหมดแทบไม่พอที่จะจ่ายแม้แค่ “อาหารเช้าเพียง 1 มื้อ”
เมษายน ปี 2009
สกุลเงิน ZWD ตายสนิท รัฐบาล ปล่อยให้ตลาดเป็นคนกำหนด ราคาและสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนกันเอง
เงิน ZWD ประกาศหยุดพิมพ์เพิ่ม อย่างน้อย 1 ปีหลังจากนั้น
เพื่อให้ระบบเศรษฐกิจ แก้ไขปัญหาด้วยตัวของมันเอง
ระบบเศรษฐกิจนั้นเมื่อเกิดปัญหา กลไกของตลาดจะมีวิธีจัดการแก้ไขได้ด้วยตัวของมัน
ภาษาทางเศรษฐศาสตร์เรียกว่า “มือที่มองไม่เห็น” (Invisible Hand)
หน้าที่ของรัฐบาล เพียงแค่สนับสนุนให้ มือที่มองไม่เห็นนี้ ทำงานไปอย่างเป็นธรรมชาติ
ไม่มีอะไรมาขัดขวาง
แต่รัฐบาลในหลายๆประเทศไม่ว่าจะเป็นประเทศที่เจริญแล้วหรือกำลังพัฒนา
กลับพยายามที่จะทำตัวเป็นมือที่มองไม่เห็นนี้ซะเอง ใช้อำนาจ เข้าจุ้นจ้าน-เข้าแก้ไข
สุดท้ายก็พัง
ส่วนรูปกราฟการเทรดวันนี้เป็นกราฟของทองคำ ด้านล่าง เหตุผลของการ เปิดออเดอร์ Sell คือใน กราฟ H4 ยอดของ MACD บริเวณราคา 1345 มียอดต่ำกว่าบริเวณ 1319 จึงเปิดออเดอร์ Sell
วันอังคารที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557
เทรดให้รอดในตลาด Forex & Commodity (2-7-14) จีนและรัสเซียเริ่มใช้เงินหยวนและเงินรูเบิลในการซื้อขายก๊าซ
หลังจากที่ห่างหายกันไปเป็นเวลาหลายสัปดาห์ In-seefx ก็กลับมาบันทึกเรื่องราวการเทรดอีกครั้ง ที่หายไปหลายอาทิตย์ก็เพราะติดงานนอกสถานที่ สืบเนื่องจากที่ประเทศไทยตอนนี้ทางคณะรักษาความสงบแห่งประเทศไทยได้ประกาศยกเลิกใช้กฏอัยการศึกในทุกจังหวัดแล้ว ทำให้ประชาชนทุกจังหวัดกลับสู่สภาวะการดำรงชีวิตประจำวันเป็นปรกติ ส่วนในจังหวัดเชียงรายที่ In-seefx ก็เหตุการณ์ปรกติ ไม่มีเหตุการณ์อะไรที่น่ากังวลแต่อย่างใด เมื่อ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา In-seefx ได้มีโอกาสพูดคุยกับท่านผู้อาวุโสท่านหนึ่งซึ่งท่านเป็นนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมานาน วงเงินลงทุน-ของท่านเกือบ 100 ล้านบาท ซึง In-seefx ก็ได้ถามถึงความคิดเห็นเกี่ยวกับการยึดอำนาจของคณะรักษาความแห่งชาติในครั้งนี้ ท่านก็แสดงความคิดเห็นไว้ว่า"ถ้าหากคณะรักษาความมั่นคงไม่ยึดอำนาจ ผู้ประกอบธุรกิจรายย่อยอาจจะได้รับผลกระทบมากกว่าในการชุมนุมที่กินเวลานาน และตัวเลขของผู้เสียชีวิตจากการชุมนุมอาจจะมีมากก็เป็นได้ หรือกลุ่มผู้ชุมนุมเกิดการประทะกัน ซึ่งผลที่จะตามมาก็คือการสูญเสีย " ท่านผู้อาวุโสสรุปเป็นคำพูดสั้น ๆ ตอนท้ายว่า "ก็ดีกว่ามีการชุมนุมแล้วมีคนตาย"
ก็คงต้องให้เวลาทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้ทำงานสักระยะ และอย่างที่ทางหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติบอกไว้ว่าอีกไม่กี่เดือนก็จะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น ช่วงนี้ก็ต้องรอให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติปราบปรามพวกลักลอบตัดไม้ทำลายป่า และปราบปรามอาวุธสงครามผิดกฏหมายและยาเสพติดให้โทษให้หมดเสียก่อน In-seefx ก็ขอเป็นกำลังใจสนับสนุนทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติด้วยคน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีข่าวใหญ่เกี่ยวกับการค้าขายระหว่างประเทศรัสเซียกับประเทศจีน คือบริษัท "กาซปรอม" ผู้ประกอบธุระกิจด้านพลังงานรายใหญ่ของรัสเซียได้ตกลงยกเลิกการใช้เงินดอลลาร์ในทางบัญชีและได้นำร่องใช้วิธีการนี้กับกรณีที่มีการติดต่อซื้อขายด้านพลังงานกับรัฐบาลจีน หรือบริษัทเอกชนของจีนก่อน โดยเตรียมหันมาใช้เงินรูเบิลของรัสเซียและเงินหยวนของจีนเป็นสื่อกลาง โดยการดำเนินการนี้จะสามารถเริ่มดำเนินการได้อย่างเต็มรูปแบบภายใน 1 ปี หรืออย่างช้าไม่เกิน 2 ปี (ที่มา: www.bankokbiznews.com)
ส่วนบันทึกการเทรดในวันนี้ขอติดรูปกราฟค่าเงิน USDJPY เป็นจังหวะ เข้าออเดอร์ Buy ที่ Time Frame H1 โดยเข้าออเดอร์ที่เส้นประสีเขียวและตั้ง TP ไว้ที่ เส้นสีม่วง ตามภาพ สำหรับบันทึกการเทรดตอนนี้ขอเพียงเท่านี้ก่อนพบกันใหม่ตอนหน้า สวัสดี
ก็คงต้องให้เวลาทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้ทำงานสักระยะ และอย่างที่ทางหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติบอกไว้ว่าอีกไม่กี่เดือนก็จะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น ช่วงนี้ก็ต้องรอให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติปราบปรามพวกลักลอบตัดไม้ทำลายป่า และปราบปรามอาวุธสงครามผิดกฏหมายและยาเสพติดให้โทษให้หมดเสียก่อน In-seefx ก็ขอเป็นกำลังใจสนับสนุนทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติด้วยคน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีข่าวใหญ่เกี่ยวกับการค้าขายระหว่างประเทศรัสเซียกับประเทศจีน คือบริษัท "กาซปรอม" ผู้ประกอบธุระกิจด้านพลังงานรายใหญ่ของรัสเซียได้ตกลงยกเลิกการใช้เงินดอลลาร์ในทางบัญชีและได้นำร่องใช้วิธีการนี้กับกรณีที่มีการติดต่อซื้อขายด้านพลังงานกับรัฐบาลจีน หรือบริษัทเอกชนของจีนก่อน โดยเตรียมหันมาใช้เงินรูเบิลของรัสเซียและเงินหยวนของจีนเป็นสื่อกลาง โดยการดำเนินการนี้จะสามารถเริ่มดำเนินการได้อย่างเต็มรูปแบบภายใน 1 ปี หรืออย่างช้าไม่เกิน 2 ปี (ที่มา: www.bankokbiznews.com)
ส่วนบันทึกการเทรดในวันนี้ขอติดรูปกราฟค่าเงิน USDJPY เป็นจังหวะ เข้าออเดอร์ Buy ที่ Time Frame H1 โดยเข้าออเดอร์ที่เส้นประสีเขียวและตั้ง TP ไว้ที่ เส้นสีม่วง ตามภาพ สำหรับบันทึกการเทรดตอนนี้ขอเพียงเท่านี้ก่อนพบกันใหม่ตอนหน้า สวัสดี
วันพุธที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2557
เทรดให้รอดในตลาด Forex & Commodity (28-5-14) ทอง(ราคา)ร่วง
เมื่อวานนี้( 27-5-14) ถ้าใครที่ Short หรือ Sell ราคาทองคำฟิวเจอร์ คงต้องเรียก " พี่ " ตามสำนวนไทยที่ว่า "มีเงินเรียกน้อง มีทองเรียกพี่" แต่เมื่อวานนี้ต้องใช้คำว่า "มีเงินเรียกน้อง Short ทองเรียกพี่"เพราะราคาทองคำปรับตัวลดลงแรงอีกวันหนึ่ง ตามรายงานข่าวจาก www.ryt9.com กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนปรับตัวขึ้นโดยได้รับแรงหนุนจากสินค้าทุนด้านกลาโหมที่ทะยานขึ้นถึง 39.3% ซึ่งเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2555 ประกอบกับมุมมองของนักลงทุนที่มองว่าการเลือกตั้งประธานาธิบดียูเครนเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาอาจจะช่วยบรรเทาสถานการณ์ตึงเครียดระหว่ายูเครนและรัสเซียได้ และวันพรุ่งนี้ (29-5-14) ต้องมาดูกันต่อว่าราคาทองคำจะเป็นเช่นไรเมื่อจะมีทั้งการรายงาน Unemployment Claims , Pending Home Seles m/m , Natural Gas Storage และ Crude Oil Inventories ของสหรัฐ ซึ่งก็สามารถติดตามได้จาก http://www.forexfactory.com/
และวันนี้ In-seefx ขอนำภาพเก่าในตอนก่อน ๆ มาติดอีกครั้ง ในภาพแรก ซึ่งเป็นมุมมองกว้าง ๆ ของ In-seefx ซึ่งเป็นรูปราคาทองคำเมื่อวันที่ 16-4-14 ที่ผ่านมา
และภาพการเทรดของวันนี้เป็นภาพการเทรด CLN4 ซึ่งเป็นการ Buy โดยมีแนวคิดคือราคาน่าจะวิ่งขึ้นไปชนบริเวณยอดสูงสุดก่อนหน้านี้อีกครั้ง ตามรูปที่ 2 และ 3 ตามลำดับ
และวันนี้ In-seefx ขอนำภาพเก่าในตอนก่อน ๆ มาติดอีกครั้ง ในภาพแรก ซึ่งเป็นมุมมองกว้าง ๆ ของ In-seefx ซึ่งเป็นรูปราคาทองคำเมื่อวันที่ 16-4-14 ที่ผ่านมา
และภาพการเทรดของวันนี้เป็นภาพการเทรด CLN4 ซึ่งเป็นการ Buy โดยมีแนวคิดคือราคาน่าจะวิ่งขึ้นไปชนบริเวณยอดสูงสุดก่อนหน้านี้อีกครั้ง ตามรูปที่ 2 และ 3 ตามลำดับ
วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557
เทรดให้รอดในตลาด Forex & Commodity (22-5-14) อยู่ในความสงบ
ช่วงนี้แผ่นดินไหวเริ่มลดความรุนแรงลง ทำให้ประชาชนทั้งหลายในจังหวัดเชียงรายที่ได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้เริ่มที่จะซ่อมแซมบ้านพักอาศัยที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ และช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา In-seefx และทีมงานก็ได้ร่วมกันไปทำกิจกรรมธรรมนุบำรุงรูปปั้นท้าวเวสสุวรรณ ณ พระธาตุเวียงฮ้อ อำเภอเวียงชัย จังหวัดเชียงราย ซึ่งได้มีรูปภาพติดไว้ใน www.livestylein-seefx.blogspot.com ซึ่งรูปปั้นองค์ท้าวเวสสุวรรณนี้ก็ได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้ด้วย
และอย่างที่ขึ้นหัวข้อ "อยู่ในความสงบ" ช่วงนี้เหตุการณ์ในประเทศไทย ถือว่าอยู่ในช่วงรอยต่อของเหตุการณ์บ้านเมือง ดังนั้น วันนี้ In-seefx ก็ขออยู่ในความสงบงดข่าวสารหรือบทวิจารณ์ ต่าง ๆ ไว้ก่อน รอเหตุการณ์เข้าสู่ปรกติ ค่อยนำเสนอข่าวสารกันใหม่ในวันถัด ๆ ไป
เช่นเคยวันนี้มีรูปกราฟการเทรด ค่าเงิน AUDUSD โดยมองจาก Time Frame H4 โดยคิดว่าค่าเงินจะเคลื่อนไหวไปทาง USD เพื่อไปยังจุดต่ำสุดในรอบก่อนหน้านี้อีกครั้ง จึงเปิดออเดอร์ Sell ไว้ที่ 0.93461 และตั้ง TP ไว้ที่ 0.92296 ดังภาพ
และอย่างที่ขึ้นหัวข้อ "อยู่ในความสงบ" ช่วงนี้เหตุการณ์ในประเทศไทย ถือว่าอยู่ในช่วงรอยต่อของเหตุการณ์บ้านเมือง ดังนั้น วันนี้ In-seefx ก็ขออยู่ในความสงบงดข่าวสารหรือบทวิจารณ์ ต่าง ๆ ไว้ก่อน รอเหตุการณ์เข้าสู่ปรกติ ค่อยนำเสนอข่าวสารกันใหม่ในวันถัด ๆ ไป
เช่นเคยวันนี้มีรูปกราฟการเทรด ค่าเงิน AUDUSD โดยมองจาก Time Frame H4 โดยคิดว่าค่าเงินจะเคลื่อนไหวไปทาง USD เพื่อไปยังจุดต่ำสุดในรอบก่อนหน้านี้อีกครั้ง จึงเปิดออเดอร์ Sell ไว้ที่ 0.93461 และตั้ง TP ไว้ที่ 0.92296 ดังภาพ
วันเสาร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2557
เทรดให้รอดในตลาด Forex & Commodity (18-5-14) QE ของ ECBจะมีหรือไม่
สวัสดีวันหยุด วันนี้ In-seefx เอาคอลัมน์ ของ www.thanonline.com ในหัวข้อเศรษฐกิจโลก มาฝากในชื่อเรื่อง"อีซีบีกังวลปัญหาเงินเฟ้อต่ำ"ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ยังไม่ปรับลดดอกเบี้ยแต่ส่งสัญญานว่าอาจจะมีมาตรการใหม่ออกมาในเดือนมิถุนายนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ จากการประชุมวันที่ 8 พฤษภาคม 2557 ที่ผ่านมาของธนาคารกลางยุโรป ที่ประชุมตัดสินในใจคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0.25 % เท่าเดิม ทั้งนี้ นายดรากี ประธานอีซีบี ส่งสัญญานว่า อีซีบีพร้อมที่จะออกมาตรการกระตุ้นเงินเฟ้อและเศรษฐกิจออกมาในการประชุมครั้งต่อไปในเดือนมิถุนายน แต่จะต้องอ้างอิงกับรายงานการคาดการณ์เงิน
เฟ้อจากอีซีบีก่อน และแนวทางที่เป็นไปได้มาก คือการปรับลดดอกเบี้ย ทั้งดอกเบี้ยเงินกู้หลักของอีซีบี และดอกเบี้ยเงินฝาก สำนักข่าวรอยเตอร์อ้างคำกล่าวของแหล่งข่าวระบุว่า ในการประชุมครั้งล่าสุด นายดรากี้กล่าวถึงความเป็นไปได้ในการนำมาตรการ QE มาใช้ในกรณีที่อัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ประธานอีซีบีกล่าวอย่างชัดเจนว่ายังเป็นเวลาอีกนานกว่าที่จะตัดสินใจใช้มารตรการดังกล่าว
โฮลเกอร์ ชไมดิ้ง นักเศรษฐศาสตร์จากเบอเรนเบิร์กแบงก์ ให้ความเห็นว่า การออกมาตรการ QE เต็มรูปแบบมีความเป็นไปได้น้อย แต่มาตรการขนาดเล็กอื่น ๆ เช่น การลดดอกเบี้ย ปล่อยกู้ระยะยาวต้นทุนต่ำให้ธนาคาร หรือ ซื้อพันธบัตรอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ของรัฐบาล : จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 34 ฉบับที่ 2,947 วันที่ 11 - 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2557
In-seefx ต้องขอขอบคุณท่านผู้อ่านที่ได้ส่งโฆษณามาทาง kriengcfx@gmail.com แต่เนื่องจากที่ In-seefx ยังไม่สะดวกที่จะทำการติดโฆษณาเนื่องจากติดภารกิจการงาน In-seefx ต้องขอเวลาอีกสักระยะหนึ่ง และ In-seefx ยินดีที่จะเปิดรับโฆษณาจากทุกท่านเพื่อที่จะติดที่เวปบล๊อคแห่งนี้
สำหรับกราฟการเทรดวันนี้ขอนำเอากราฟการเปิดออเดอร์ Sell ในกราฟราคาทองคำ มาฝาก แนวคิดคือ คิดว่าราคาทอง ณ ที่ราคาประมาณ 1300 - 1308 น่าจะเป็นแนวต้านสำคัญ จึงเปิดออเดอร์ Sell ตามสัญญาน MACD ดังกราฟด้านล่าง ซึ่งเปิดออเดอร์บริเวณลูกศรชี้และเส้นสีแดงคือ TP ที่ตั้งไว้
เฟ้อจากอีซีบีก่อน และแนวทางที่เป็นไปได้มาก คือการปรับลดดอกเบี้ย ทั้งดอกเบี้ยเงินกู้หลักของอีซีบี และดอกเบี้ยเงินฝาก สำนักข่าวรอยเตอร์อ้างคำกล่าวของแหล่งข่าวระบุว่า ในการประชุมครั้งล่าสุด นายดรากี้กล่าวถึงความเป็นไปได้ในการนำมาตรการ QE มาใช้ในกรณีที่อัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ประธานอีซีบีกล่าวอย่างชัดเจนว่ายังเป็นเวลาอีกนานกว่าที่จะตัดสินใจใช้มารตรการดังกล่าว
โฮลเกอร์ ชไมดิ้ง นักเศรษฐศาสตร์จากเบอเรนเบิร์กแบงก์ ให้ความเห็นว่า การออกมาตรการ QE เต็มรูปแบบมีความเป็นไปได้น้อย แต่มาตรการขนาดเล็กอื่น ๆ เช่น การลดดอกเบี้ย ปล่อยกู้ระยะยาวต้นทุนต่ำให้ธนาคาร หรือ ซื้อพันธบัตรอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ของรัฐบาล : จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 34 ฉบับที่ 2,947 วันที่ 11 - 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2557
In-seefx ต้องขอขอบคุณท่านผู้อ่านที่ได้ส่งโฆษณามาทาง kriengcfx@gmail.com แต่เนื่องจากที่ In-seefx ยังไม่สะดวกที่จะทำการติดโฆษณาเนื่องจากติดภารกิจการงาน In-seefx ต้องขอเวลาอีกสักระยะหนึ่ง และ In-seefx ยินดีที่จะเปิดรับโฆษณาจากทุกท่านเพื่อที่จะติดที่เวปบล๊อคแห่งนี้
สำหรับกราฟการเทรดวันนี้ขอนำเอากราฟการเปิดออเดอร์ Sell ในกราฟราคาทองคำ มาฝาก แนวคิดคือ คิดว่าราคาทอง ณ ที่ราคาประมาณ 1300 - 1308 น่าจะเป็นแนวต้านสำคัญ จึงเปิดออเดอร์ Sell ตามสัญญาน MACD ดังกราฟด้านล่าง ซึ่งเปิดออเดอร์บริเวณลูกศรชี้และเส้นสีแดงคือ TP ที่ตั้งไว้
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)